โรคและอาการผิดปกติของทุเรียน
อาการผิดปกติบางประการของเนื้อทุเรียน
1.ทุเรียนไส้ซึม
เกิดจากการที่ทุเรียนได้รับน้ำมากเกินไปในช่วงก่อนเก็บเกี่ยวผล ทำให้ไส้หรือแกนของผลทุเรียนแฉะและคุณภาพของเนื้อไม่ดี ตลาดไม่ต้องการมักเป็นในช่วงที่มีฝนตกหนัก พันธุ์ทุเรียนที่พบว่าเป็นไส้ซึมง่าย ได้แก่ ชะนีและก้านยาว ส่วนพันธุ์กบหากฝนไม่ตกชุกเกินไปก็ไม่ค่อย มีปัญหา สำหรับพันธุ์กระดุมไม่ค่อยมีปัญหาเช่นกัน เพราะเป็นพันธุ์เบาสามารถเก็บผลได้ก่อนฝนชุก
2.เต่าเผาและเนื้อแกน
เต่าเผาเป็นอาการผิดปกติโดยส่วนปลายของเนื้อทุเรียนที่หุ้มเมล็ด อยู่เป็นสีน้ำตาลไหม้ เนื้อแกนเป็นอาการที่เนื้อทุเรียนแข็ง มีสีซีดผิดปกติ และมี รสขม อาจเป็นบางส่วนหรือเป็นทั้งผล ปกติถ้าทุเรียนแกนมักเป็นทั้งต้น สาเหตุเนื่องจากมีการแตกใบอ่อนขณะที่ทุเรียนกำลังสร้างเนื้อ ต้นทุเรียนไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรอาหารส่งไปเลี้ยงผลไม่เพียงพอ การให้น้ำไม่สม่ำเสมอมีการขาดน้ำหลายระยะในช่วงติดผล ทั้งนี้หากเกษตรกร มีการปฏิบัติดูและให้ต้นทุเรียนสมบูรณ์ ก็จะไม่พบอาการเนื้อแกนเต่าเผา
โรคแมลงศัตรูทุเรียนและการป้องกันกำจัด
1. หนอนกินต้นทุเรียน
ลักษณะการทำลาย
ศัตรูสำคัญที่ทำลายลำต้นทุเรียนให้เกิดความเสียหาย คือ หนอนเจาะลำต้นทุเรียน ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากด้วงหนวดยาว เจาะต้นและกิ่งทุเรียนเพื่อวางไข่ หลังจากนั้นก็จะฟักตัวออกเป็นไข่ เป็นตัวหนอนวัยต่างๆประมาณ 5 ระยะ โดยหนอนจะทำลายเจาะกินต้นทุเรียนบริเวณใต้ผิวเปลือกต้นทุเรียนเป็นทางยาว หรือ เจาะเข้าไปถึงไส้ในของเนื้อต้นทุเรียนได้ สังเกตได้ว่าบริเวณที่มีหนอนจะมีขุยคล้ายๆโดนสว่านเจาะที่ต้นไม้ และมีน้ำไหลเป็นเมือกเหนียว และในเมือกเหนียวนั้นจะมีตัวหนอนเล็กๆคล้ายพยาธิมากมาย กัดกินบริเวณเนื้อเยื่อของต้นทุเรียน ทำลายท่อน้ำและท่ออาหารทำให้ทุเรียนแคระแกร็น ไม่เจริญเติบโต ถ้าหนอนตัวใหญ่มากขึ้นจะสามารถกัดลำต้นให้ทะลุถึงกันได้ ทำให้ต้นทุเรียนทรุดโทรมและยืนต้นตายในที่สุด
วิธีป้องกันและกำจัด
ในฤดูแล้งเกษตรกรควรสังเกตบริเวณโคนต้นและตามกิ่ง ว่ามีรอยกัดของด้วงหนวดยาวบริเวณเปลือกและลำต้น เพื่อฝากไข่ ให้สังเกตบริเวณเปลือกลำต้นมีเม็ดสีขาวคล้ายเมล็ดข้าวสาร แสดงว่าพบไข่ของด้วงหนวดยาวที่มาฝากไว้ บริเวณเปลือก วิธีป้องกัน ขั้นแรกให้ใช้ปลายมีดอีเสียมแคะไข่ที่ด้วงหนวดยาวไข่ฝากไว้ ถ้าปล่อยไว้ให้ผ่านถึงในฤดูฝน ไข่จะเริ่มฟักกลายเป็นตัวหนอนมี 5 ระยะ จากตัวเล็ก ก็จะเริ่มกัดกินบริเวณใต้เปลือกเป็นทางยาวให้สังเกตมีน้ำไหลบริเวณลำต้นและเป็นขุยร่วงหล่นลงมาที่พื้นคล้ายรอยถูกสว่านเจาะ แสดงว่าไข่ฟักเป็นตัวเรียบร้อยแล้ว วิธีแก้ไขคือ ถ้าพบรอยเจาะเป็นขุยที่พื้นและลำต้นมีน้ำไหลให้ใช้มีดอีเสียมสับบริเวณเปลือกเพื่อหาตัวหนอนก่อนที่ตัวหนอนจะตัวใหญ่มากขึ้น จากนั้นให้ตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณนั้นเพื่อให้แสงแดดส่องถึงแผลที่มีน้ำไหล ให้ใช้มีดอีเสียมสับที่บริเวณเปลือกรอบๆต้นที่มีรอยกัดกินของหนอน สับเป็นแผลบางๆ(ไม่ลึกมาก) แล้วใช้ยาฆ่าแมลงคลอร์ไพริฟอสที่เป็นยาดูดซึมผสมน้ำใส่กระป๋องฉีด(foggy) พ่นโดยรอบบริเวณที่มีน้ำไหลและรอยที่สับไว้ จากนั้นปล่อยให้แสงแดดเป็นตัวทำลายหนอนตัวเล็กๆที่มีอยู่ในเมือกเหนียว อีกไม่นานแผลนั้นแห้งเป็นปกติ
2.ไรแดง
ไรแดงทุเรียน ระบาดมากในช่วงที่อากาศแห้งแล้งติดต่อกันนานๆซึ่งตรงกับช่วงที่ทุเรียนกำลังออกดอกและติดผล ทำให้ดอกร่วงและผลเสียหาย
ลักษณะการทำลาย
-ดูดน้ำเลี้ยงบริเวณผิวใบ ของทุเรียน โดยเฉพาะตามแนวเส้นกลางใบ เห็นคราบไรเป็นสีขาวเกาะ ติดบนใบเป็นผงสีขาวคล้ายนุ่นจับ และจะทำให้ใบร่วง
หลังจากนั้น ทุเรียนจะแตกอ่อน ซึ่งจะตรงกับช่วงดอกบานหรือเริ่มติดผล ทำให้ ดอกและผลร่วงเสียหาย
-ระบาดมากในช่วงที่อากาศแห้งแล้งติดต่อกันนานๆ
การป้องกันกำจัด
-อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติไว้ควบคุมไรแดง ได้แก่ ไรตัวห้ำ ด้วงเต่า แมลงวันขายาว แมงมุม
-ถ้าสำรวจพบไรแดงกระจายทั่วทั้งสวนให้ฉีดน้ำเข้าไปในทรงพุ่มเพื่อเพิ่มความชื้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณไรแดงลงได้
-เมื่อพบว่าไรแดงเพิ่มปริมาณสูงขึ้น ควรใช้สารเคมีกำจัดไร คือ
– โปรพาร์ไกท์ 30 % อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
– เฮกซีไธอะซ็อก 2 % อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร (ใช้เมื่อตรวจพบไข่และตัวอ่อนของไรแดง หลังจากฉีดพ่นโปร์พาร์ไกท์ แล้ว 5-7 วัน )
3. เพลี้ยไก่แจ้
เพลี้ยไก่แจ้ ระบาดมากในช่วงที่ทุเรียนแตกใบอ่อน ทำให้ต้นทุเรียนขาดความสมบุรณ์มีผลกระทบถึงการออกดอกติดผลในฤดูต่อไป
ลักษณะการทำลาย
-ดูดกินน้ำเลี้ยง จากใบอ่อน ของทุเรียน ทำให้ใบไม่เจริญเติบโต เมื่อระบาดมาก ใบ จะหงิกงอแห้งและร่วง ต้นทุเรียนขาดความสมบูรณ์
-ระบาดมากในช่วงที่ทุเรียนกำลังแตกใบอ่อน
การป้องกันกำจัด
-อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยไก่แจ้ไว้ควบคุมเพลี้ยไก่แจ้ ได้แก่ ด้วงเต่าปีกลายหยัก ด้วงเต่าสีส้ม ด้วงเต่าลายสมอ แมลงช้าง ต่อต่าง ๆ แมงมุม
-กระตุ้นให้ทุเรียนแตกใบอ่อนพร้อมกัน โดยฉีดพ่นปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 200 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
จะช่วยลดช่วงเวลาการเข้า ทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ให้สั้นลง
-ใช้ดักสารเหนียวสีเหลืองล่อตัวเต็มวัยมาทำลาย หรือฉีดพ่นน้ำบนใบอ่อนที่คลี่แล้วเพื่อลดปริมาณเพลี้ยไก่แจ้
-เมื่อพบเพลี้ยไก่แจ้เข้าทำลายมาก ควรใช้สารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่ง ดังนี้
– ไซฮาโลธริน แอล 25 % อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
– คาร์โบซัลแฟน 20% อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
4.โรครากเน่าและโคนเน่า
เชื้อราไฟทอปโธรา สาเหตุของโรครากเน่าโคนเน่า และโรคผลเน่า ทำให้ต้นทุเรียนทรุดโทรมถึงตายได้และผลทุเรียนเน่าเสียหลังการเก็บเกี่ยว
ลักษณะการทำลาย
-เมื่อพบว่าใบทุเรียนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีดและใบร่วงในเวลาต่อมาแสดงว่า ทุเรียนอาจเป็นโรครากเน่าและโคนเน่า ให้สำรวจบริเวณโคนต้น
-บริเวณโคนต้น กิ่งหรือรากที่เป็นโรคจะมีสีของเปลือกเข้มคล้ายถูกน้ำร้อนลวก เป็นวงหรือมีรอยแตกของแผลและมีน้ำยางไหลออกมาในต้นที่เป็นรุนแรง
ส่วนรากที่ถูกเชื้อราทำลายจะเน่ามีสีดำและขาดง่าย
-ระบาดมากในช่วงที่มีฝนตกชุกและอากาศชื้น
การป้องกันกำจัด
-ใช้เชื้อราพาราสิตไตรโคเดอร์มาควบคุมปริมาณเชื้อราไฟทอปโธราในดิน
โดยนำเชื้อราพาราสิตนี้ผสมกับรำ และปุ๋ยหมักอัตรา 1:25:25 ส่วน แล้วนำส่วนผสมนี้ไปรองก้นหลุมก่อนปลูกอัตรา 1 กิโลกรัมต่อหลุม
หรือนำไปโรยรอบ ๆ โคนต้นทุเรียนที่โตแล้ว อัตรา 5 กิโลกรัมต่อต้น แล้วรดน้ำพอชุ่ม เพื่อช่วยควบคุม เชื้อราไฟทอปโธราในดิน
-ถ้าพบอาการเริ่มแรกเพียงเล็กน้อย ให้ถากเอาส่วนที่เป็นโรคออกแล้วทาแผลด้วยปูนแดง
-ถ้าพบอาการรุนแรง ให้ขูดผิวเปลือกบริเวณแผลออก แล้วทาด้วยสารเคมีเมตาแลกซิล 25% อัตรา 50-60 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร
-ถ้าพบอาการรุนแรงที่ส่วนรากหรือส่วนที่อยู่ตำแหน่งสูง ๆ ขึ้นไป
ให้ใช้สารฟอสฟอรัสแอซิด อัตรา 10 ซีซีต่อน้ำสะอาด 20 ซีซี ผสมใส่กระบอกฉีดยาฉีดเข้าไปที่กิ่งหรือลำต้นหรือใช้สารโฟซีทิล-อลูมิเนียม 80%
อัตรา 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทั่วทั้งต้น
5.โรคผลเน่า
ลักษณะการทำลาย
-เชื้อราจะเข้าทำลายผลทุเรียนได้ทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว โดยจะเห็นอาการเป็นจุดสีน้ำตาลปนเทาบนเปลือก
แล้วขยายตัวลุกลามไปเป็นวงใหญ่ ทำให้เปลือกแตกตาม รอยแตกของพูทุเรียน ถ้าเป็นมากจะร่วงหล่นก่อนกำหนด
การป้องกันกำจัด
-ฉีดพ่นสารเคมี โฟซีธิล-อลูมิเนียม 80% อัตรา 30-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นที่ผลทุกต้นเมื่อพบผลเน่าในสวน
-รวบรวมผลเน่าที่ร่วงหล่นเผาทำลาย
-เก็บเกี่ยวผลทุเรียนอย่างระมัดระวัง และไม่ควรวางผลลงบนพื้นดินในสวนโดยตรง
อ้างอิง
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2555). “คู่มือเกษตรกรเรื่องการปลูกทุเรียน.”
ภายใต้โครงการกู้วิกฤตสวนผลไม้ผลพันธุ์ดีเฉพาะท้องถิ่นที่ประสบอุทกภัย สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตร, กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี
ศศิวิมล แสวงผล,สมศรี เจริญเกียรติกุล,จงดี โตอิ้ม. โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรมทุเรียนและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวสวนทุเรียนในประเทศไทย ตามแนวทางของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี: กรณีศึกษา จังหวัดนนทบุรี โครงการย่อยที่ 3 โครงการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ในจังหวัดนนทบุรี. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ; 2555.